“วันงดเว้นดูดบุหรี่โลก” ตรงกับวันที่ 31 พฤษภาคมของทุกปี เชิญเช็คสถิติต่างๆเกี่ยวกับเหตุการณ์การสูบ “บุหรี่” ในประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงการแพร่ระบาดวัววิด-19 รอบใหม่ พบว่าแรงงานไทยบริโภคยาสูบต่ำลง 49.12%

เนื่องใน “วันงดเว้นดูดบุหรี่โลก” ที่ตรงกับวันที่ 31 พฤษภาคมของทุกปี เชิญชาวไทยมารู้จะสถิติต่างๆเกี่ยวกับเหตุการณ์ “บุหรี่” ไม่ว่าจะเป็นจำนวนนักดูด ปริมาณการบริโภคยาสูบในประเทศไทย รวมทั้งปัจจุบัน.. จะพาไปดูผลที่เกิดจากการสำรวจการสูบบุหรี่กรุ๊ปแรงงานในช่วงวัววิด-19 ระบาด กรุงเทวดาธุรกิจออนไลน์ รวบรวมข้อมูลมาให้ทราบกัน ดังต่อไปนี้

1. ชาวไทยดูดบุหรี่ต่ำลง ช่วง “วัววิด-19” ระบาด ปี 2564
มีข้อมูลอัพเดทจากศูนย์วิจัยรวมทั้งจัดการความรู้เพื่อการควบคุมยาสูบ (ศจย.) กล่าวมาว่า ศจย. ร่วมกับ “สวนดุสิตโพล” ได้กระทำตรวจสอบเรื่อง “พฤติกรรมที่เกี่ยวข้องกับการบริโภคยาสูบของกลุ่มผู้ใช้แรงงานในช่วงเหตุการณ์การแพร่ระบาดวัววิด-19” ในจังหวัดกรุงเทพมหานคร รวมทั้งบริเวณรอบๆ เมื่อเมษายน พ.ศ.2564
โดยมีกลุ่มเป้าหมายเป็น ผู้ใช้แรงงานนอกระบบ/ในระบบ จำนวน 1,120 ตัวอย่าง (อย่างเช่น มอเตอร์ไซด์รับจ้าง แท็กซี่ งานบ้านงานเรือน เกษตร ประมง โรงงานอุตสาหกรรม บังกะโล ห้างร้าน)

ผลที่ได้รับจากการสำรวจพฤติกรรมที่เกี่ยวข้องกับการบริโภคยาสูบในช่วงเหตุการณ์การแพร่ระบาดวัววิด-19 รอบใหม่ พบว่า

• ผู้ใช้แรงงานที่บริโภคยาสูบในปริมาณต่ำลง เพราะเหตุว่ารายได้ต่ำลงมากที่สุด จำนวนร้อยละ 49.12

• รองลงมาเป็น ลดบุหรี่เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายมากขึ้น จำนวนร้อยละ 29.57

• ชั้นสามเป็นลดบุหรี่เพื่ออยากได้ดูแลรักษาสุขภาพร่างกาย จำนวนร้อยละ 16.29 ตามลำดับ
โดยความถี่ในการบริโภคยาสูบ พบว่า กลุ่มผู้ใช้แรงงานบริโภคยาสูบมากที่สุด 6-10 มวนต่อวัน, รองลงมาชั้นสองเป็น11-15 มวนต่อวัน ส่วนชั้นสามเป็น1-5 มวนต่อวัน
ด้าน “กรรมวิธีเลิกบริโภคยาสูบ” ที่กลุ่มผู้ใช้แรงงานได้วางแผนไว้ ผลที่เกิดจากการสำรวจพบว่า ส่วนมากใช้แนวทางลดจำนวนมวนบุหรี่ลง มากที่สุด จำนวนร้อยละ 57.63 รองลงมาเป็นหยุดดูดทันที (หักดิบ) จำนวนร้อยละ 34.41 รวมทั้งรับคำชี้แนะเพื่อเลิกบุหรี่ จำนวนร้อยละ 3.39

2. สถิติการบริโภคยาสูบของชาวไทย ปี 2563
สภาพัฒน์ฯ รายงานเหตุการณ์ดื่มสุรารวมทั้งดูดบุหรี่ เมื่อช่วงไตรมาส 3 ในปี 2563 ระบุว่า ชาวไทยบริโภคเหล้ารวมทั้งยาสูบต่ำลง 5.5% โดยเหล้าต่ำลง 7.5% ยาสูบต่ำลง 2.5%
ด้านคณะกรรมการควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบแห่งชาติ รวมทั้งเลขาการมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่ดูดบุหรี่ กล่าวมาว่า ยาสูบรวมทั้งเหล้าเป็นสาเหตุของ “ภาระหน้าที่โรค” สร้างการสิ้นไปทางสุขภาพจากการเจ็บป่วยรวมทั้งเสียชีวิตของชาวไทยถึง 15.13% หรือแทบ 1 ใน 6 ของภาระหน้าที่โรคทั้งหมดในปี 2557
ยิ่งกว่านั้นยังมีผลลบต่อร่างกาย เศรษฐกิจ รวมทั้งสังคม ทั้งยังระดับครัวเรือน ชุมชน รวมทั้งประเทศ เป็นปัญหาในการประสบผลสำเร็จการพัฒนาที่ยั่งยืนของยูเอ็น (อ่านเพิ่ม : สภาพัฒน์ฯ เปิดเผยไตรมาส 3/63 ชาวไทยดื่มเหล้า ดูดบุหรี่ต่ำลง)

3. สถิติจำนวนนักดูด พบว่าต่ำลงแต่ไม่มาก
ด้านสสช. มีรายงานพฤติกรรมการสูบบุหรี่รวมทั้งการดื่มสุราของพลเมือง พ.ศ. 2560 (ข้อมูลปัจจุบันมีถึงปี 2560 แค่นั้น) โดยระบุว่าพลเมืองไทยที่แก่ 15 ปี มีทั้งหมด 55.9 ล้านคน เป็นคนที่ดูดบุหรี่หน้าใหม่ 10.7 ล้านคน (จำนวนร้อยละ 19.1) แยกเป็น
• คนที่ดูดเป็นประจำ 9.4 ล้านคน (จำนวนร้อยละ 16.8)
• คนที่ดูดนานๆครั้ง 1.3 ล้านคน (จำนวนร้อยละ 2.3)
– พลเมืองกรุ๊ปเยาวชนอายุ 16-19 ปี มีอัตราการสูบบุหรี่ต่ำสุด จำนวนร้อยละ 9.7
– พลเมืองอายุ 20-24 ปี อัตราการสูบบุหรี่ จำนวนร้อยละ 20.7
– พลเมืองอายุ 25-44 ปี มีอัตราการสูบบุหรี่สูงสุด จำนวนร้อยละ 21.9
– พลเมืองอายุ 45-59 ปี อัตราการสูบบุหรี่ จำนวนร้อยละ 19.1
– พลเมืองกรุ๊ปคนวัยชรา (อายุ 60 ปีขึ้นไป) อัตราการสูบบุหรี่ จำนวนร้อยละ 14.4
แนวโน้มการสูบบุหรี่ในพลเมืองอายุ 15 ปีขึ้นไป ต่ำลงไม่มาก แต่ต่ำลงอย่างสม่ำเสมอ จากจำนวนร้อยละ 20.7 ในปี 2557 เป็นจำนวนร้อยละ 19.9 ในปี 2558 รวมทั้งจำนวนร้อยละ 19.1 ในปี 2560
เพศชายที่ดูดบุหรี่ต่ำลงมากยิ่งกว่าสตรี โดยเพศชายต่ำลง จำนวนร้อยละ 40.5 ในปี 2557 เป็นจำนวนร้อยละ 39.3 ในปี 2558 รวมทั้งจำนวนร้อยละ 37.7 ในปี 2560 สำหรับสตรีต่ำลงจากจำนวนร้อยละ 2.2 ในปี 2557 เป็นจำนวนร้อยละ 1.8 ในปี 2558 รวมทั้งจำนวนร้อยละ 1.7 ในปี 2560
ทั้ง มีข้อมูลจากภาควิชาแพทยศาสตร์ โรงหมอรามาธิบดี ได้ทำรายงานตรวจสอบปัจจัยการตายจากบุหรี่ในปี 2560 ก่อนหน้านี้ที่ผ่านมา พบว่า ชาวไทยเสียชีวิตจากการสูบบุหรี่ 72,656 ราย ทำให้มีการเกิดค่าสูญเสียทางเศรษฐกิจ อย่างเช่น ค่าหมอปีละ 77,626 ล้านบาท ค่าขาดรายได้จากการเจ็บป่วย 11,762 ล้านบาท ค่าการสิ้นไปจากการถึงแก่กรรมก่อนวัยฯ 131,073 ล้าน รวมยอดปีละ 220,461 ล้านบาท หรือเฉลี่ย 20,565 บาท ต่อผู้ดูดบุหรี่ 1 คนต่อปี

buri1

4. “วันงดเว้นดูดบุหรี่โลก” 2564 รณรงค์ เลิกดูด ลดเสี่ยง คุณทำเป็น
กระทรวงสาธารณสุข ชวนสามัญชนร่วมรณรงค์วันงดเว้นดูดบุหรี่โลก 31 เดือนพฤษภาคม 2564 “เลิกดูด ลดเสี่ยง คุณทำเป็น” เพื่อส่งเสริมให้เลิกดูดผลิตภัณฑ์ยาสูบทุกจำพวก ลดการเสี่ยงการติดเชื้อ ลดแพร่เชื้อวัววิด-19
องค์การอนามัยโลก (WHO) กำหนดให้วันที่ 31 พฤษภาคมของทุกปี เป็น “วันงดเว้นดูดบุหรี่โลก” รวมทั้งปีนี้ได้กำหนดประเด็นการรณรงค์ว่า “COMMIT TO QUIT” เพื่อให้ 180 ประเทศสมาชิกสนับสนุนเชิงแนวทาง รวมทั้งดำเนินกิจกรรมเพื่อสร้างความเข้าใจถึงพิษภัยรวมทั้งโทษของบุหรี่ทุกจำพวก ส่งเสริมให้ผู้ดูดบุหรี่ทั้งโลกเลิกบุหรี่ให้ได้ 100 ล้านคน
สำหรับประเทศไทย ได้กำหนดประเด็นเน้นสื่อสารไปยังสามัญชน ภายใต้คำขวัญ “เลิกดูด ลดเสี่ยง คุณทำเป็น” เพราะเหตุว่าในเหตุการณ์แพร่ระบาดวัววิด-19 พบว่า พฤติกรรมการ “ดูดบุหรี่” ถือเป็นพฤติกรรมเสี่ยง เพิ่มจังหวะรับเชื้อหรือแพร่เชื้อวัววิดได้ มีรายงานเจอผู้ป่วยที่ติดโรควัววิด-19 มีประวัติการสูบบุหรี่หรือบุหรี่กระแสไฟฟ้า ส่วนมากมักมีสุขภาพปอดไม่แข็งแรง ทำให้มีลักษณะอาการร้ายแรง รวมทั้งเสี่ยงถึงขั้นเสียชีวิตได้

กระทรวงสาธารณสุข ขอชวนผู้ดูดบุหรี่หันมาเลิกบุหรี่ ซึ่งทาง สธ. ได้จัดโครงงานระบบบริการเลิกบุหรี่แบบครบวงจร ช่วยคนที่อยากได้เลิกบุหรี่เข้าถึงบริการรวมทั้งรับคำหารือ โทรฟรีสายด่วนเลิกบุหรี่ทางโทรศัพท์แห่งชาติ โทร.1600
———————–
อ้างอิง :
ศูนย์วิจัยรวมทั้งจัดการความรู้เพื่อการควบคุมยาสูบ
สสช.1
สสช.2
กระทรวงสาธารณสุข