แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ผงาดคว้าแชมป์รายการแรกของซีซั่น 2020/2021 ไปเรียบร้อยแล้ว หลังจากเฉือนชนะ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ 1-0 ที่สนามเวมบลีย์ ในรอบชิงชนะเลิศ ศึกคาราบาว คัพ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 25 เมษายนที่ผ่านมา
เป๊ป กวาร์ดิโอล่า นายใหญ่ชาววัวกระทิงดุ นำลูกทีมโชว์ฟอร์มได้เด็ดสะระตี่ ถ้าหากเป็นมวยก็จำต้องบอกว่าชนะทั้งยังคะแนน แล้วก็ชนะน็อก เนื่องจากพวกเขาจัดการข่ม “ไก่เดือยทอง” มิดด้ามตั้งแต่นาทีแรกไปจนกระทั่งจบเกม
การบรรลุเป้าหมายในคราวนี้บางทีก็อาจจะเป็นการต่อยอดในการชิงโทรฟี่ 2 รายการสำคัญนั่นก็คือ พรีเมียร์ลีก แล้วก็ แชมเปี้ยนส์ ลีก ด้วยเหตุผลดังกล่าวถ้าเกิดมองดูถึงความฮึกเหิมของลำแข้ง “เรือใบสีฟ้า” ในตอนนี้บอกได้เลยว่าพวกเขาอาจไม่อยากพัก แล้วก็ต้องการจะลงแข่งเร็วๆเนื่องจากหัวใจมันเรียกร้องที่จะเอาอีก 2 แชมป์ที่เหลือมาประตูตู้โชว์ที่เอติฮัด สเตเดี้้ยม
1. สัญญาณแห่งความสำราญของแฟนบอล
แมตช์ระหว่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ปะทะ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ถือเป็นเกมลำดับที่สองที่ มีคอลูกหนังได้รับอนุญาตให้เข้าไปชมเกมในสนามโดยก่อนหน้านี้ที่ผ่านมาเป็นแมตช์ที่ เลสเตอร์ ซิตี้ ชนะ เซาธ์หมูแฮมป์ตัน ในศึกเอฟเอ คัพ เมื่อสุดสัปดาห์ก่อน
สำหรับเกมที่ “สุนัขจิ้งจอกสยาม” ทะลุเข้าไปเล่นในรอบชิงแชมป์ มีแฟนบอลเข้าชมจำนวน 4,000 คน แต่ว่าในเกมนี้มีแฟนบอลมากถึ 8,000 ราย หรือเกือบ 10 เปอร์เซนต์ของปริมาตรของสนามทั้งปวง โดยนี่ถือเป็นจำนวนผู้ชมที่สูงที่สุดตามมาตรการของรัฐบาลอังกฤษที่อนุญาตให้เข้าชมเกมสำหรับกีฬากลางแจ้ง นับจากที่เกิดการระบาดของเชื้อไวรันมรณะตอนต้นมี.ค. 2020
แมตช์นี้แฟนบอล สเปอร์ส กับ “เรือใบสีฟ้า” ได้ตั๋วไปฝั่งละ 2,000 ใบ ส่วนอีก 4,000 ใบ จะแบ่งให้กับข้าราชการสาธารณสุขอังกฤษ (เอ็นเอชเอส) แล้วก็ผู้คนในเขตเขตแดน โดยงานนี้แฟนบอลที่อายุต่ำกว่า 18 ปีมิได้รับอนุญาตให้เข้าไปในสนาม ที่สำคัญคนที่จะได้เข้าไปควรมีการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ในช่วง 24 ชั่วโมงก่อนเกมนัดหมายชิงด้วย แล้วก็ควรมีใบรับรองการฉีดวัคซีนต่อต้านเชื้อมรณะด้วย
หลังจากเกมนัดหมายชิงถ้วยใบเล็กเมืองผู้ดีแล้ว และไม่มีผลกระทบประเด็นการแพร่ระบาดของเชื้อ งานนี้มีความน่าจะเป็นว่าเกมนัดหมายชิง เอฟเอ คัพ ระหว่าง เลสเตอร์ กับ เชลซี ที่สนามเวมบลีย์ วันที่ 15 เดือนพฤษภาคมนี้ บางทีก็อาจจะได้มองเห็นแฟนบอลเข้าชมเกมถึง 21,000 คนก็ได้
2. เป๊ป ยอดคนสมองเพชร
การบรรลุเป้าหมายของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ จำต้องสารภาพว่าส่วนหนึ่งส่วนใดมาจากความยอดเยี่ยมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เนื่องจากนับจากที่เขาเข้ามาจับบังเหียน “เรือใบสีฟ้า” ผลงานของสมาพันธ์นับว่ายอดเยี่ยม แล้วก็ยกฐานะแปลงเป็นทีมเข้มแข็งที่ทั้งโลกจำต้องเมื่อคร้าม
กวาร์ดิโอล่า ไม่ใช่แค่นำ แมนฯ ซิตี้ แปลงเป็นทีมจอมบุก ครองเกมเหนือคู่ปรปักษ์ เท่านั้น แต่ว่ายังมีการปรับแท็กติกให้เข้ากับแต่ละแมตช์ ซึ่งสิ่งกลุ่มนี้สามารถดูได้จากสถิติหลังเกม เนื่องจากพวกเขาจะครองบอลได้เหนือกว่า สร้างจังหวะได้มากกว่า
ในการคว้าชัยชนะติดอยู่ราบาว คัพ ในช่วงฤดูกาลนี้ยังส่งให้ “เป๊ป” แปลงเป็นตำนานบทใหม่ของรายการนี้ เมื่อเขาเป็นผู้จัดการทีมฟุตบอลคนแรกที่คว้าชัยชนะถ้วยใบเล็กเมืองผู้ดี 4 ยุคซ้อน แซงหน้า บ็อบ เพสลี่ย์ ตำนานผู้จัดการทีมลิเวอร์พูล ที่เคยทำได้ 3 ยุคซ้อนในช่วงระหว่างปี 1981-1984
นอกเหนือจากนั้นเขายังเป็นนายใหญ่ชาวสแปนิชที่สามารถชูโทรฟี่ใบนี้ 4 ครั้งเสมอกันกับ เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน, โชเซ่ มูรินโญ่ แล้วก็ ไบรอัน คลัฟ แล้วก็ยังนำ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เป็นแชมป์ยุคที่ 8 พอๆกับ ลิเวอร์พูล ด้วย
ถ้าเกิดนับรวมโทรฟี่นับจากก้าวขึ้นมาคุม บาร์เซโลน่า ไปพบความท้าทายกับ บาเยิร์น มิวนิค แล้วก็บุกมาสร้างตำนานบนถิ่นอังกฤษร่วมกับ แมนฯ ซิตี้ เวลานี้ เป๊ป สะสมการบรรลุเป้าหมายไปแล้ว 30 รายการในวัยแค่ 50 ปีเท่านั้น !!
3. สมควรได้แชมป์ด้วยประการทั้งปวง
ก่อนเกมนัดหมายชิง ติดอยู่ราบาว คัพ ผู้คนจำนวนไม่ใช้น้อยฟันธงแบบไม่ต้องคิดมากว่า แมนฯ ซิตี้ เหนือกว่า สเปอร์ส ทุกกระบวนท่าไล่ตั้งแต่ซุ้มม้านั่งสำรอง, ผู้เล่นตัวจริง ไปจนถึงกึ๋นของผู้จัดการทีม แต่ว่าก็อาจจะมีบางคนที่รู้สึกว่า “บอลลูกกลมๆอะไรๆก็สามารถเกิดขึ้นได้”…..แต่ว่าพอดีมันดันไม่เกิดขึ้น !!
ผลงานในช่วง 45 นาทีแรกทุกๆคนอาจกระจ่างแก่สายตา แมนฯ ซิตี้ สร้างจังหวะได้มากมายก่ายกอง โดยยิ่งไปกว่านั้นจาก ราฮีม สเตอร์ลิง แล้วก็ ฟิล โฟเด้น ในเวลาที่ เควิน เดอ บรอยน์ ยังปฏิบัติหน้าที่เป็นเพลย์เมกเกอร์ขั้นเทพสำหรับเพื่อการผ่านบอลงามๆให้เพื่อนพ้องร่วมทีมหลายต่อหลายคราว
ตลอด 80 กว่านาครั้งถ้าเกิดคนไหนกันเป็นแฟน แมนฯ ซิตี้ อาจรู้สึกเสียวท้องน้อยเนื่องจากพวกเขาสร้างจังหวะทำคะแนนได้มากมาย แต่ว่าทำพลาดเองบ้าง โดนกองหลังสเปอร์สบล็อกได้บ้าง หรือ อูโก้เก๋ โยริส ดันโชว์ฟอร์มเหนียวด้วย โน่นทำให้ผู้คนจำนวนไม่ใช้น้อยอดคิดมิได้ว่า “หรือเทพีแห่งโชคจะอยู่ฝั่งสเปอร์ส”
กระนั้นอีกสองนาทีถัดมา อายเมริค ลาปอร์กต์ สวมบทวีรบุรุษโขกประตูชัยได้เสร็จ จำต้องบอกว่าถ้าหาก จอห์น สโตนส์ ไม่โดนใบแดงในเกมลีกเชือด แอสตัน วิลล่า ทำให้ถูกแบนในเกมนี้ ชื่อของดาวเตะชาวฝรั่งเศส บางทีก็อาจจะมิได้อยู่บนสกอร์กระดานก็ได้
หากแม้สกอร์บางทีก็อาจจะดูสูสีเหลือเกินแต่ว่าถ้าเกิดมองดูจากภาพรวมตลอดทั้งเกมจำต้องบอกว่า แมนฯ ซิตี้ สมควรเป็นอย่างมากที่จะคว้าชัยชนะ เนื่องจากพวกเขาเหนือกว่าทั้งยังรูปเกม แล้วก็สกอร์
4. อนาคนของ เคน
หนึ่งในปริศนาที่อยู่ในหัวของทุกๆคนหลังสิ้นเสียงนกหวีดยาวหมดเวลาที่สนามเวมบลีย์ ก็คือ แฮร์รี่ เคน จะยังคงเลือกอยู่กับ สเปอร์ส ต่อไปหรือบางทีก็อาจจะตกลงใจโบกไม้โบกมือลาเพื่อออกไปไขว่คว้าหาความเสร็จมาตกแต่งตู้โชว์ที่บ้านตัวเอง
เคน ถือเป็นลูกหม้อคุณภาพดีของสมาพันธ์ แล้วก็มี{ความจงรักภักดี|ความ
แน่ๆว่ารางวัลส่วนตัว เคน อยากได้อยู่แล้ว แต่ว่าในฐานะนักฟุตบอลที่ได้ชื่อว่ายอดเยี่ยมกองหน้า เขาย่อมต้องการทรงเกียรติประวัติความเป็นมากับสมาพันธ์มากยิ่งกว่านี้ ไม่เชื่อทดลองมองดูไปดู ไคล์ วอล์คเกอร์ อดีตเพื่อนพ้องร่วมสังกัดที่ไปได้ดีกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ หรือ ไมเคิ่ล คาร์ริค รุ่นพี่ที่ก้าวไปเป็นตำนาน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
การเป็นพระรองในแมตช์นี้ อาจส่งผลให้ เคน ตกตะกอนทางความคิด แล้วก็เลือกทางได้แล้วว่าจะเอายังไงหลังจบซีซั่นนี้ …..คนไหนกันที่เป็นแฟนบอลสเปอร์ส อาจจำต้องทำใจล่วงหน้าได้เลย
5. สมาธิกับ พรีเมียร์ลีก แล้วก็ แชมเปี้ยนส์ ลีก
แมนฯ ซิตี้ คว้าชัยชนะรายการแรกของฤดูนี้มาครองเป็นระเบียบเรียบร้อยแล้ว {ถือ